หมอเถื่อน ตอน 17 เจ้ากรรม…ท่านผู้ยิ่งใหญ่

รถโตโยต้าไฮลักซ์ จอดหน้าบ้านเดี่ยว

 

 

อาฟ่งหันมาถามพี่ชายด้วยภาษาจีนกลาง

 

พี่ใหญ่ พี่จำได้แน่เหรอว่าใช่บ้านนี้  ?”

 

แอนดี้พยักหน้า เขามีสีหน้าซีดเซียว ขอบตาเป็นสีเขียวคล้ำ

 

สิงห์ต้าลู่… ความจำดีมากนะ  !”  เธอพูดแล้วยิ้ม

 

ทุกครั้งที่อาฟ่งมองหน้าพี่ชาย เธอแทบจะกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ 

 

ในความทรงจำของเธอ ไม่เคยมีภาพพี่ชายที่กำลังอ่อนแอ

เหนื่อยหน่าย หรือ ทรุดโทรม ให้เธอได้บันทึกไว้ในสมองแม้แต่เพียง

ครั้งเดียว… ไม่เคยมี  

 

แต่ขณะนี้ ภาพที่เธอได้เห็นอยู่ตอนนี้ ทำให้จิตใจเธอห่อเหี่ยวเกินอธิบาย

 

 

แอนดี้เดินนำเข้าไปในบ้าน  อาฟ่งเดินตาม

 

เธอสังเกตุเห็นรูปร่างของพี่ชายดูซูบผอมไปกว่าเมื่อวานนี้

 

 

สาววัยเดียวกับแอนดี้ ผมยาว ผิวคล้ำ ใส่ชุดขาว เดินลงมาจากบันไดชั้นบน

 

แอนดี้ยกมือขึ้นไหว้

 

“สวัสดีครับ ! คุณนง”

 

 

อาฟ่งยกมือขึ้นไหว้สาวร่างทรงตามพี่ชาย

 

นงยกมือรับไหว้

 

“สวัสดีค่ะ ! มาสองคนหรือคะ ?”

 

“ครับ ! นี่น้องสาวผม มาเป็นเพื่อน”

 

นงยิ้มให้ทั้งสองคน

 

“เมื่อกี๊ได้ยินเสียงรถจอดหน้าบ้าน ก็ยังสงสัยว่าเป็นใคร

เพราะวันนี้นงไม่มีนัดใคร ”

 

แอนดี้ผงกหัว

 

“ขอโทษครับ ! ที่ผมไม่ได้นัดล่วงหน้า เพราะผมไม่มีเบอร์ติดต่อ”

 

“ค่ะ ! ไม่เป็นไร พอดีวันนี้ว่างพอดี

เข้าไปรอในห้องก่อนนะคะ เดี๋ยวนงตามเข้าไป”

 

พูดจบ สาวร่างทรงก็เดินขึ้นบันไดกลับขึ้นไปชั้นบน

 

 

แอนดี้ พูดภาษาจีนกลางกับอาฟ่ง

 

อาฟ่ง ! เธอนั่งรอที่ข้างนอกก็ได้นะ

 

เธอหันไปมองโซฟารับแขก  แล้วพยักหน้า

 

น้องสาวทรุดตัวลงนั่งที่โซฟารับแขก

 

แอนดี้ค่อย ๆ เดินเข้าไปในห้อง  

 

 

เธอสังเกตุพี่ชายก้าวอย่างช้า ๆ มือจับขอบประตูเพื่อประคองกาย 

 

แว่บหนึ่งของภาพนี้ ทำให้กำลงใจของเธอตกวูบ 

 

พี่ชายคือที่พึ่งพิงที่แข็งแกร่งและมั่นคงที่สุดของเธอมาตลอด

 

 

 

นงเดินลงมาจากบันได เธอส่งยิ้มให้ซีฟ่ง แล้วเดินเข้าห้อง ปิดประตู

 

 

แอนดี้นั่งอยู่บนพื้นห้อง  หายใจดังฟืดฟาด

 

 

นงทรุดตัวลงนั่ง หยิบธูปเก้าดอกแล้วยื่นให้แอนดี้

 

“วันนี้ คุณหลงไม่มาหรือคะ ?”

 

แอนดี้รับธูป

 

“ครับ ! ผมมากันแค่สองคน”

 

นงพยักหน้า

“จุดธูปอธิษฐานแล้ว เขียนชื่อ นามสกุลในกระดาษนะคะ”

 

แอนดี้หยิบกลักไม้ขีดมาขีดไฟ

 

 

“สงสัยท่านรู้ว่าคุณจะมา คงมีเรื่องสำคัญ

คนอื่นที่นัดไว้ตอนนี้กลับโทรมาเลื่อนนัดตั้งแต่เช้า  บ่ายนี้นงเลยว่าง”

 

 

แอนดี้ยิ้ม รับฟัง 

เขาจรดธูปที่หน้าผาก ครั้งนี้เขาอธิษฐาน

 

 

ครั้งสุดท้ายที่เขาเคยอธิษฐานขอสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่มองไม่เห็นตัวตน

ให้ช่วยเหลือเกื้อกูล… นั่นเป็นเวลาสิบกว่าปีได้แล้ว

 

หลังจากนั้น เขาไม่เคยพึ่งพา ไม่เคยศรัทธาในสิ่งอื่นใดนอกจากตัวเอง

 

 

 

สิงห์แห่งจีนแผ่นดินใหญ่ผู้อ่อนล้า คลานนำธูปไปปักไว้นอกประตูหลัง

แล้วคลานกลับมา

 

 

สาวร่างทรง เริ่มพนมมือ นั่งหลับตา

 

สักพัก จึงเริ่มเจรจา

 

“ท่านมีเรื่องใด ให้เราช่วยรึ ?” 

 

น้ำเสียงร่างทรงเปลี่ยนไปเป็นเสียงทุ้ม สำเนียงไทยโบราณ

 

 

“ผมอยากรู้เรื่องคนที่ตายไปแล้ว ท่านช่วยได้หรือไม่ครับ ?”

 

แอนดี้ตอบอย่างชัดเจน สายตาจ้องไปที่ใบหน้าของร่างที่กำลังหลับตา

 

 

“เหตุใดท่านจึงต้องการรู้เรื่องคนที่อยู่คนละภพกับท่าน ?  

 

การรู้เรื่องของเขา จะช่วยท่านได้อย่างไร ?”

 

 

 

แอนดี้นิ่งเงียบ ไม่ตอบคำถาม

 

 

ร่างก็เงียบไป รอฟังคำตอบ

 

 

ความเงียบงัน ทำให้แอนดี้เริ่มเปลี่ยนความคิด 

 

หากเขาไม่พูดในสิ่งที่ต้องการ เท่ากับเสียเวลาการเดินทางมาที่นี่

 

 

“ผมมีเรื่องติดในใจ แต่คิดว่าท่านน่าจะรู้ดีที่สุด เพราะ

คนที่ตายไปแล้วเป็นลูกศิษย์ท่าน 

 

ผมอยากจะรู้ว่า ทำไมเขาต้องตายแทนผม ?”

 

 

ร่างพยักหน้าช้า ๆ

 

“ท่านอยากทดสอบเราเรื่องใดอีกบ้าง ?”

 

 

แอนดี้ขมวดคิ้ว

 

“ไม่เข้าใจคำถามครับ”

 

 

ร่างยิ้ม

 

“นี่เป็นวิถีของท่านมิใช่รึ ? 

 

หากผู้แปลกหน้า ต้องการปัจจัยจากท่าน มาหยิบยืมปัจจัยของท่าน

 

ท่านยังจะให้เขาหยิบยืมได้ง่ายกว่าให้ศรัทธากับเรา

 

เพราะนี่เป็นวิถีของท่าน”

 

แอนดี้พอเข้าใจในความหมาย  เขาไม่ได้ตอบอะไร

 

 

 

ร่างพูดต่อ

 

“การสนทนาระหว่างเรากับท่านนั้น จะมีประโยชน์ หากท่านมีศรัทธาในเรา

 

 มิใช่ว่า เราต้องการเป็นที่เคารพบูชา แต่หากท่านมิมีศรัทธาแล้ว

 

คำแนะนำของเราที่มีให้กับท่าน ก็เท่ากับว่าไร้ประโยชน์

 

เพราะเมื่อศรัทธาไม่มี ท่านจะมีความระแวงในคำแนะนำ 

 

แล้วมิได้ทำตาม 

 

เท่ากับว่า การมาหาเราในครั้งนี้ ท่านสูญเสียทั้งเวลาและปัจจัย 

 

ท่านเข้าใจหรือไม่ ?”

 

 

แอนดี้พยักหน้า

 

“เข้าใจครับ !”

 

 

“แต่การที่ท่านได้กลับมาที่นี่อีกครั้ง และมาถึงได้ด้วยหนทางใดก็ตาม

ก็นับว่าท่านมีความตั้งใจอยู่  

 

เช่นนั้น ให้ท่านถามคำถามที่ท่านต้องการถามอีกครั้ง”

 

 

 

แอนดี้พยักหน้า

 

“อาหลง ตายแทนผมใช่หรือไม่ครับ ?”

 

 

ร่างทรงยิ้ม

 

“ท่านคิดว่ามนุษย์นี่ ตายแทนกันได้ด้วยรึ ?”

 

 

“ผมไม่รู้ครับ ! แต่เหตุการณ์ เหมือนว่าจะเป็นแบบนั้น”

 

 

“ท่านรู้จักเรื่อง อุปฆาตกรรมมาตัดรอนหรือไม่ ?”

 

 

“ไม่รู้ครับ !”

 

 

“ที่เพื่อนของท่านได้จากไปนั้น มีอะไรที่ติดอยู่ในใจท่านรึ ?”

 

 

“เขาชดใช้อะไรบางอย่าง แทนผม ใช่หรือไม่ครับ ?”

 

 

“ถ้าเพื่อนท่าน ชดใช้ชีวิตของเขาแทนท่านไปแล้ว

 

เหตุใดท่านยังต้องเจ็บป่วยด้วยโรคภัยหนักหนาขนาดนี้อีกเล่า ?”

 

 

“ถ้าอย่างนั้น อาหลงตายเพราะอะไรครับ ?”

 

 

“เรื่องนี้ สำคัญต่อชีวิตท่านขณะนี้รึ ?”

 

 

เขาหายใจฟืด อาการอ่อนเพลียเริ่มเล่นงานหนักขึ้น

 

“ครับ ! เขาเป็นน้องชายที่ผมรักมาก เรื่องนี้สำคัญต่อชีวิตผม 

 

ผมอยากรู้ว่าเหตุใดเขาถึงตาย ? ใครฆ่าเขา ?”

 

สายตาของสิงห์ต้าลู่ ยังจ้องเขม็งมาที่ร่าง ต้องการฟังคำตอบ

 

 

ร่างผงกหัวรับรู้คำถาม

 

“เราเข้าใจความรู้สึกของท่าน ที่ได้สูญเสียเพื่อนไป

แต่ที่นี่ ให้คำตอบนี้กับท่านไม่ได้ 

 

ที่นี่รับเยียวยาผู้เจ็บป่วยด้วยโรคภัยเท่านั้น 

มิมีธุระใดเกี่ยวข้องกับคนที่ตายไปแล้ว เสียใจที่ตอบท่านไม่ได้”

 

 

เขารับฟัง ความร้อนวิ่งขึ้นที่ใบหน้า อาการอิดโรยเริ่มทวีความรุนแรง 

 

แอนดี้ต้องเอามือทั้งสองยันพื้นไว้เพื่อประคองกาย

 

Leave a Reply