นิยายหมอเถื่อน ตอนเปิดตัว ‘ผมไม่ใช่หมอ’

“แก้ว อยู่ถึงไหนแล้วลูก ?”

 

“แก้วกำลังจะถึงหมู่บ้านแล้วค่ะ  แม่เป็นไงบ้าง ? หมอไปหาหรือยัง ?”

 

“มาแล้ว มาแล้ว  ดีมากเลย 

หมอเค้าทำหลังให้แม่ มากด ๆ แล้วก็มาดึงคอให้ รู้สึกโล่งเลย ที่ปวดหัวก็หาย 

แล้วหมอบอกว่าหนูน่ะ โลหิตจางนะ”

 

แก้วนึกประหลาดใจ

“โลหิตจาง ! หมอรู้ได้ยังไง ?  หมอยังไม่เจอแก้วเลย จะรู้ได้ยังไง ?”

 

“หมอเค้าเอาลูกดิ่งตรวจที่รูปของหนู  เค้าบอกว่าอาการที่หนูเป็นน่ะ โลหิตจาง

เพราะมีพยาธิ”

 

เธอนึกฉงนเป็นทวีคูณ 

 

ผลการตรวจร่างกายประจำปีบอกว่าเธอโลหิตจางจริง

แต่เธอไม่เคยเล่าเรื่องนี้ให้คุณแม่ฟัง

 

“คุณหมอกลับไปหรือยังคะ ?  นี่แก้วกำลังจะถึงบ้านแล้ว เดี๋ยวแม่ให้หมอรอแป๊บนึง

แก้วจะให้คุณหมอตรวจด้วยเลย”

 

“จ้ะ !  แม่บอกหมอแล้วว่าให้รอ  หมอเขาเดินออกไปที่สโมสร  เดี๋ยวคงกลับมา 

แก้วแวะไปรับหมอที่สโมสรเข้ามาเลยก็ได้นะ”

 

“ค่ะ ๆ  ดีค่ะ  หมอใส่เสื้อสีอะไรคะ ?”

 

“เสื้อสีส้มจ้ะ ! แต่หมอก็เดินออกไปนานแล้วนะ บอกว่าจะไปหาของกิน

แก้วแวะรับคุณหมอเข้ามาด้วยแล้วกัน”

 

“ค่ะ ค่ะ !”

รถแล่นเข้ามาถึงสโมสรหมู่บ้าน 

 

แก้วอยู่ในรถมองไปที่ร้านอาหารในสโมสร

 

มีคนใช้บริการอยู่เพียงไม่กี่คน 

 

ไม่มีใครใส่เสื้อสีส้ม

 

… หรือว่าคุณหมออาจจะเดินกลับเข้าไปในบ้านแล้ว ?

 

เธอขับรถเลยสโมสรเข้ามา จอดข้างทางหน้าร้านขายก๋วยเตี๋ยว

 

กระจกข้างถูกเลื่อนลง

“ป้าคะ ! ป้าเห็นคนใส่เสื้อสีส้มเดินผ่านไปหรือเปล่าคะ ?”

 

คุณป้าขายก๋วยเตี๋ยว มองลอดแว่น แล้วชะเง้อออกไปทางสโมสร

“มี ๆ  โน่น ! เห็นเดินเข้าไปในสโมสร”

 

แก้วพยักหน้า

“ค่ะ !  ยังไม่เดินกลับมาใช่มั้ยคะ ?”

 

“ไม่เห็นนะ ยังไม่เห็นเดินกลับมา”

 

“ขอบคุณค่ะ !”

 

เธอถอยรถ เพื่อขับกลับไปที่สโมสร

 

เกือบหกโมงเย็น…

 

คนเริ่มมาใช้บริการในร้านอาหารสโมสรมากขึ้น 

 

แก้วเดินเข้ามาในสโมสร  มองผ่านด้วยสายตา ไม่มีใครในนี้ใส่เสื้อสีส้ม

 

หรือว่า คุณหมออาจจะอยู่ในห้องน้ำก็เป็นได้

 

เธอถือโอกาสฆ่าเวลา เดินไปที่เคาน์เตอร์ สั่งน้ำผลไม้ปั่น

แล้วหยิบหนังสือพิมพ์มานั่งอ่านที่โต๊ะ 

 

ลมเย็น ๆ โชยมาเอื่อย ๆ

 

น้ำผลไม้ปั่นมาเสิร์ฟแล้ว 

 

รสชาติสับปะรดปั่นที่เธอชอบวิ่งผ่านลำคอ ความอร่อย และ สดชื่น

ทำให้เธอต้องหลับตาดื่มด่ำ 

 

เธอลืมตามาพร้อมกับเห็นชายหนุ่มที่ยืนข้างสนามเทนนิส ใ

ส่เสื้อกล้ามสีขาวกางเกงขายาวสีน้ำตาล…

 

…กำลังจ้องมาที่เธอ 

 

แก้ววางแก้วน้ำปั่นลงบนโต๊ะ 

 

หนุ่มคนนั้นมองไปที่แก้วน้ำ ตาละห้อย เหมือนกับเด็กหิวน้ำ

จะขอปันส่วนแบ่ง 

 

เขามองแก้วน้ำปั่นของเธออย่างจริงจัง จนเธอรู้สึกผิดปกติ

ต้องเลี่ยงหันข้างให้

***************************************************************************

 

เป็นเวลาเกือบสิบนาทีแล้ว ไม่มีใครเดินออกมาจากห้องน้ำชาย

 

คุณหมออาจจะกลับบ้านไปแล้วก็ได้ 

 

แก้วหยิบโทรศัพท์มือถือโทรเข้าบ้าน อีกครั้ง

 

“แม่คะ แก้วยังไม่เจอหมอเลย เค้าคงกลับบ้านไปแล้วมั้ง”

 

“ยังหรอก กลับได้ยังไง กระเป๋าสะพายของหมอยังวางอยู่ที่นี่เลย”

 

“อ้าว… เหรอคะ แล้วคุณหมอมีมือถือหรือเปล่า ?”

 

“ไม่รู้ แม่ไม่รู้เบอร์ของหมอหรอก  แต่ไม่น่าจะไปไหนไกลนะ

คงอยู่แถว ๆ สโมสรนั่นแหละ”

 

“ค่ะ ๆ !  แม่… แล้วหมอบอกว่าแก้วต้องทำยังไงบ้าง ? ต้องให้หมอตรวจอีกทีหรือเปล่า ?”

 

“ก็ถ้าเจอตัวก็จะตรวจได้ตรงกว่า  หมอบอกว่าให้ถ่ายพยาธิสี่วันติดกัน

แล้วอาการจะดีขึ้น 

เรื่องอื่นอยากให้เจอตัวค่อยตรวจจะตรงกว่า  เค้าว่างี้นะ”

 

“พยาธิเหรอ ?   อือ… แก้วก็ไม่ได้คิดเรื่องนี้มาก่อน 

แก้วจำไม่ได้ว่าครั้งสุดท้ายที่ถ่ายพยาธิเป็นสิบปีแล้วหรือเปล่าไม่รู้”

 

“ไม่เคยเลยหนู !  แม่ไม่เคยให้หนูถ่ายพยาธิเลย 

หมอบอกว่าคนไทยน่ะ ติดพยาธิเป็นปกติ ถ่ายออกไป ไม่ถึงเดือน ก็ติดพยาธิอีกแล้ว 

มันอยู่ในอาหาร อากาศ แล้วก็พวกหมาแมวแถว ๆ บ้าน เวลาถ่ายออกมา

แห้งแล้วไข่พยาธิก็ปลิวในอากาศ”

 

“ค่ะ !  แต่หมอยังไม่ได้เจอแก้ว หมอรู้ได้ยังไงว่าแก้วมีพยาธิ ? หรือว่า เป็นหลักสถิติ ?”

 

“หมอใช้ลูกดิ่งน่ะ !  แก้วต้องเห็นเอง แม่อธิบายไม่ถูกหรอก  ไม่ต้องเจอตัว

ตรวจผ่านรูปภาพได้”

 

ลูกสาวหัวเราะ

“มีด้วยเหรอแม่ ตรวจผ่านรูปภาพ ?   งั้นเดี๋ยวแก้วจะลองหาคุณหมอแถวนี้อีกที”

 

เธอตัดสาย แล้วพาตัวเองเดินออกจากห้องอาหารสโมสร มาที่ข้างลานสนามบาส

 

มีเก้าอี้สองตัวตั้งอยู่ ไม่มีใครนั่ง  ลมโกรกมาเอื่อย ๆ 

 

แก้วทรุดตัวลงนั่งที่เก้าอี้ มองไปที่สนามบาส

 

ใต้แป้นบาส  ชายหนุ่มใส่เสื้อกล้ามคนเมื่อครู่ กำลังเล่นบาสกับเด็กอีกสามคน

 

“โอ้ย ๆๆๆ ! นี่ ๆ ! ไอ้ตัวเล็ก อย่าเหยียบเส้น  โกงตั้งแต่เด็ก”

 

เด็กชายจอมโกงอายุประมาณไม่ถึงสิบขวบถือลูกบาสในมือ หัวเราะคิกคัก  

 

เขาถอยไปหลังเส้น แล้วกระโดดชู้ต  ลูกกระทบแป้น แต่ไม่ลงห่วง

 

น้องสาวคนสุดท้องยืนจุ๊ปากเสียดาย

 

เด็กชายอีกคนโตกว่า อายุประมาณสิบกว่าขวบ วิ่งไปเก็บลูกบาส

เดินเลี้ยงลูกเข้ามาใต้แป้น

 

“คราวนี้ตาผม ขั้นสองแล้วนะ คุณปู่จำได้ใช่มั้ย ? เดี๋ยวจะหาว่าผมโกง”

 

“หึ ๆ  เรียกว่าปู่  ทะลึ่ง !  รีบ ๆ ชู๊ตไปเลย เสียเวลา หิวจะตายแล้ว”

 

เขาจับลูกบาสท่างทางทะมัดทะแมง ยกลูกขึ้นเหนือหัว เล็ง  แล้วปล่อยลูกบาส 

ลูกลอยลิ่วกระทบขอบห่วงเล็กน้อย แล้วมุดลงในห่วง

 

เสียงปรบมือของพี่น้องอีกสองคนดังขึ้น 

 

ลูกกระดอนมาที่หนุ่มเสื้อกล้าม

 

เขาจับลูกบาสไว้  ทำจมูกหึ่ง แล้วมองค้อนไปที่คนชู๊ต

“เฮ้ย..! นี่กูเล่นกะทีมชาติอยู่เหรอวะเนี่ย ?”

 

เด็กทั้งสามคนหัวเราะสีหน้าของเขา 

 

คุณปู่ในชุดเสื้อกล้ามโยนลูกบาสกลับมาให้

ตาเหลือบมองกระป๋องน้ำอัดลมที่วางอยู่ใต้แป้นบาส พร้อมกลืนน้ำลาย

 

“โชคดี มันไม่ได้มีติดกันหรอก ไอ้หนู !”

 

ไอ้หนูรับลูกบาส แล้วเดินเลื่อนไปที่ขั้นสาม  เล็ง แล้วชู๊ต 

ลูกลอยกระทบแป้นแล้วลงห่วงทันที

 

เสียงปรบมือของสองพี่น้องดังขึ้นอีก  น้องสาวคนเล็กกระโดดตัวลอย

 

หนุ่มเสื้อกล้ามยืนเกาหัว

“อะไรของมันวะ ? ”

 

พี่ชายคนโตยืนถือลูกบาสอยู่ที่ขั้นสี่ เล็ง

 

หนุ่มเสื้อกล้าม หลับตาแช่ง

“ไม่ลง ! ขอให้ไม่ลง ! ไม่ลง ! ไม่ลง !”

 

เสียง ‘ซ่วบ’ ดังมาจากห่วง  เขาลืมตาขึ้น เห็นลูกบาสร่วงลงใต้แป้น

 

เสียงปรบมือดังขึ้นพร้อมกัน

 

เขาเริ่มโวยทันที

“อะไร ๆ ? เอาใหม่ !  ยังไม่ทันมองเลย  ทำมาตบมือ 

พี่น้องตระกูลนี้ คบไม่ได้ โกงทั้งตระกูล”

 

สามพี่น้องหัวเราะลั่น

 

“ลงไปแล้ว ลงไปแล้ว !…  ใช่ ๆ ! อย่าโมเมดิ  คุณปู่ 

แก่แล้วแกล้งเด็ก แค่พนันน้ำกระป๋องเดียวต้องโมเมด้วยเหรอ ? ”

 

“เข้าข้างกันนี่หว่า  ยังไม่ทันลืมตาเลย ชู๊ตได้ไง  มองไม่เห็น เอาใหม่ ชู๊ตใหม่”

 

น้องชายคนรอง วิ่งมาทางแก้ว แล้วชี้มือ

“ไม่เชื่อ ถามพี่คนนี้ พี่คนนี้เห็นอยู่  พี่เค้าเห็น”

 

หนุ่มเสื้อกล้ามเดินเข้าตรงเข้ามาหาเธอ

“เห็นเหรอครับ ? ”

 

แก้วพยักหน้า
“เห็นค่ะ !”

 

เขาขยิบตาข้างหนึ่งให้เธอ

เป็นสัญญาณให้เธอช่วยโกหกให้หน่อย

 

แก้วตอบสวนกลับไป

“เห็นค่ะ!  ลูกลงไปแล้ว”

 

“เฮ !… เห็นป่าว ?   ลูกลงแล้ว”  สามพี่น้องเฮกันต่อ

 

หนุ่มเสื้อกล้ามมองหน้าแก้ว แล้วชี้มือ

“จำไว้ ผู้หญิงใจร้าย  คืนนี้ท้องผูก !”

 

“อ้าว !” เธอสั่นหัว แล้วหัวเราะหึ ๆ  นายนี่ท่าจะเพี้ยน

 

แล้วเขาก็หันหลังเดินกลับไป

 

พี่ชายคนโตยืนรออยู่ที่จุดโทษ รอชู๊ตลูกต่อไป เขาเคาะลูกบาสลงพื้นสองสามที

“ดูไว้นะคุณปู่ จะได้ไม่ต้องโมเมอีก”

 

แล้วลูกบาสก็ถูกปล่อยออกจากมือ  ….

…..ลอยไปกระทบขอบห่วง แล้วกระเด็นออก ตกที่พื้น กระดอนออกไปนอกสนาม

 

หนุ่มเสื้อกล้ามหัวเราะลั่น แล้วปรบมืองอตัว ตะโกนลั่น เหมือนเด็ก ๆ

“เยส เยส เยส !… ผู้ร้ายตายตอนจบ”

 

สองพี่น้องวิ่งไปเก็บลูกบาส  ทิ้งน้องสาวคนสุดท้องไว้ใต้แป้นบาส

 

หนุ่มเสื้อกล้ามเห็นทางโปร่ง รีบวิ่งมาใต้แป้นบาส เขาจับไหล่ของน้องสาวคนเล็ก

“นี่หนู ไม่ไปช่วยพี่เค้าเก็บลูกบาสล่ะ ไปสิ !”

 

หนูน้อยยิ้ม หันไปมองทางพี่ชายทั้งสอง

 

เขายังยืนยัน

“ไปสิ !” แล้วก็ไสมือ ผลักที่หลังของเด็กน้อย

 

เด็กน้อยทำตาม ออกตัววิ่งออกมาทางพี่ชายทั้งสองคน

 

ทันใดนั้น เขารีบหยิบกระป๋องน้ำอัดลมใต้แป้นบาส แล้วเปิดฝา ยกขึ้นดื่ม

เสียงเปิดฝากระป๋อง ทำให้สาวน้อยหยุดวิ่ง หันกลับมามอง  แล้วเธอก็หัวเราะลั่น

ชี้มือมาที่ขโมย

“ขโมย !  คุณปู่ขโมยกินเป๊บซี่  ขโมย !”

 

เขาสะดุ้ง แล้วรีบวางกระป๋องลง 

 

น้ำอัดลมเลอะขอบปาก  ยกนิ้วชี้ขึ้นปิดปาก เป็นสัญญาณให้หนูน้อยเงียบเสียง

“อี๊ย… อย่าตะโกนดิ !  ว้า..หิวจะตายอยู่แล้ว”

 

เด็กน้อยยืนหัวเราะ

 

เขาเห็นสาวน้อยเริ่มเงียบ ก็หยิบกระป๋องขึ้นมาดวดต่อจนหมดไปครึ่งกระป๋อง

 

แก้วนึกขำจนหัวเราะเบา ๆ ออกมา 

หนุ่มเสื้อกล้ามหันมามอง ทำตาค้อน แล้วเขาก็ทำไม่รู้ไม่ชี้ 

 

วางกระป๋องซุกไประหว่างกระป๋องน้ำอัดลมที่เหลือ  แล้วเดินตรงไปยังหนูน้อย

 

“น่ารักมาก ! เราเป็นพวกเดียวกัน เดี๋ยวพอพี่มีเงินแล้ว จะให้ยี่สิบบาท  โอเค๊ ?”

 

น้องคนสุดท้องพยักหน้า แล้วหัวเราะ

 

สองพี่น้องเดินกลับมาพร้อมลูกบาส

 

“มาเล่นต่อได้เลยปู่  รีบ ๆ เล่นจะได้กินน้ำฟรีซะที”

 

หนุ่มเสื้อกล้ามยืนอมยิ้ม หรี่ตา

“ไม่เล่น ! ไม่อยากกินแล้ว !”

 

น้องชายคนรองเกาหัว

“อะไรอะ ? ตกลงกันแล้วต้องเล่นให้จบ ไม่จบก็ปรับแพ้  ปู่ต้องไปซื้อน้ำมาให้พวกเรา”

 

“เอ๊อะ !  มีกฏที่ไหนบอกว่าไม่เล่นต้องปรับแพ้ ?”

 

“สัญญาแล้ว ไม่ใช่ลูกผู้ชายนี่หว่า”  น้องชายคนรองยังเถียง

 

“ใครบอกว่าใช่ล่ะ ? ”

 

“อ้าว… ถ้าไม่ยอมซื้อน้ำมาเลี้ยง เราจะร้องให้คนมาช่วย” เขาอ้าปากจะร้อง

 

หนุ่มเสื้อกล้ามรีบวิ่งมาปิดปาก

“โอเค โอเค !  ได้ ๆ !  ไม่ต้องร้อง  แต่รอให้มีเงินก่อน จะซื้อมาใช้ให้”

 

เขาปล่อยมือที่ปิดปาก

 

เด็กทั้งสามหัวเราะคิกคัก

 

พี่ชายคนโตเดินไปดูที่ใต้แป้นบาส

“ใครเปิดกระป๋องเป๊บซี่กิน ?”

 

แก้วขำจนหัวเราะ  เด็กทั้งสามคนวิ่งมารุมหนุ่มเสื้อกล้าม ตะโกนโหวกเหวกลั่นสนามบาส

 

One thought on “นิยายหมอเถื่อน ตอนเปิดตัว ‘ผมไม่ใช่หมอ’

Leave a Reply